สายเฮลท์ตี้ต้องไม่พลาด เคล็ดลับสุขภาพดีสายเฮลท์ตี้
กิฟฟารีน ออนไลน์ ที่นี่...เราเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกัน
DBD Registered
Giffarine by นวพร
ช้อปเมื่อไรก็ได้ พร้อมสิทธิมากมาย
กิฟฟารีน ออนไลน์
โทร. 0816892160
ไลน์ ไอดี: noonavaporn

  0 ชิ้น

ลดเสี่ยงไตพัง

กรวยไตอักเสบ เกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน


ลดเสี่ยงไตพัง...
รู้หรือไม่? ดื่มน้ำน้อย เสี่ยง! ไตอักเสบ ภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพไตของคุณ

ในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ หลายคนอาจละเลยการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยหารู้ไม่ว่าพฤติกรรมเล็กน้อยนี้ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงอย่าง "ไตอักเสบ" ซึ่งเป็นภาวะที่เนื้อเยื่อของไตเกิดการอักเสบ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตในระยะยาว และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังในที่สุด

💦ความสำคัญของ "น้ำ" ต่อการทำงานของไต
น้ำ... คือส่วนประกอบหลักของร่างกาย คิดเป็นประมาณ 60-70% ของน้ำหนักตัว มีบทบาทสำคัญในกระบวนการทำงานต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงการทำงานของไต ดังนี้

💧 ช่วยในการกรองของเสีย:
💧 รักษาสมดุลของเกลือแร่:
💧 ป้องกันการเกิดนิ่วในไต:
💧 ช่วยในการลำเลียงสารอาหาร:
💧 ควบคุมความดันโลหิต:

"ไตอักเสบ" ภัยร้ายที่มาพร้อมกับการดื่มน้ำน้อย
"ไตอักเสบ" (Nephritis) เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อของไตเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญและมักถูกมองข้ามคือ การดื่มน้ำไม่เพียงพอ

เมื่อร่างกายได้รับน้ำน้อยเกินไป จะส่งผลกระทบต่อไตโดยตรงดังนี้:
ความเข้มข้นของปัสสาวะสูงขึ้น: ปัสสาวะที่เข้มข้นจะมีการสะสมของของเสียและแร่ธาตุต่างๆ มากขึ้น ทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกรองและขับของเสียเหล่านี้ออกไป ในระยะยาว
การสะสมของตะกอนและผลึก: ปัสสาวะที่เข้มข้นยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดตะกอนและผลึกของแร่ธาตุต่างๆ ในทางเดินปัสสาวะและในเนื้อไตเอง
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ (UTI): การดื่มน้ำน้อยทำให้ปัสสาวะน้อยลงและคั่งค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะนานขึ้น ทำให้เชื้อแบคทีเรียมีโอกาสเจริญเติบโตและแพร่กระจายไปยังไตได้
ภาวะขาดน้ำเรื้อรัง: การดื่มน้ำน้อยเป็นประจำอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำเรื้อรัง

สาเหตุอื่นๆ ของ "ไตอักเสบ" ที่ควรรู้
การติดเชื้อ:
โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune diseases):
ยาบางชนิด: การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน หรือการใช้ยาในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นพิษต่อไตและทำให้เกิดการอักเสบได้ เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด
โรคทางพันธุกรรม: โรคไตบางชนิด เช่น โรคไต polycystic (Polycystic Kidney Disease - PKD) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดถุงน้ำในไต และอาจนำไปสู่การอักเสบและการเสื่อมของไตได้
ภาวะความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน: ภาวะเหล่านี้สามารถทำลายหลอดเลือดในไต ทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจนำไปสู่การอักเสบและการเสื่อมของไตในระยะยาว
การบาดเจ็บที่ไต: การได้รับบาดเจ็บโดยตรงที่บริเวณไตอาจทำให้เกิดการอักเสบได้

สัญญาณเตือนและอาการของ "ไตอักเสบ" ที่ไม่ควรมองข้าม
ปัสสาวะผิดปกติ:
ปัสสาวะบ่อยขึ้นหรือน้อยลง: อาจมีการเปลี่ยนแปลงความถี่ในการปัสสาวะ โดยอาจปัสสาวะบ่อยขึ้นโดยเฉพาะในเวลากลางคืน หรือปัสสาวะน้อยลงกว่าปกติ
ปัสสาวะมีสีผิดปกติ: ปัสสาวะอาจมีสีเข้มขึ้น สีชา สีแดง หรือมีเลือดปน
ปัสสาวะขุ่น: ปัสสาวะอาจดูขุ่นหรือไม่ใส
ปัสสาวะมีฟองมาก: อาจบ่งบอกถึงภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
อาการบวม: การทำงานของไตที่ผิดปกติอาจทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและโซเดียมไว้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการบวมบริเวณต่างๆ เช่น ขา ข้อเท้า ใบหน้า หรือรอบดวงตา
ปวดบริเวณข้างหลังหรือสีข้าง: อาการปวดอาจเป็นแบบตื้อๆ หรือปวดรุนแรงบริเวณหลังส่วนล่างหรือสีข้าง ซึ่งเป็นตำแหน่งของไต
ความดันโลหิตสูง: ไตมีบทบาทในการควบคุมความดันโลหิต หากไตทำงานผิดปกติ อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า: การสะสมของของเสียในเลือดเนื่องจากการทำงานของไตไม่ดี อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ไม่มีแรง
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร: ภาวะยูรีเมีย (Uremia) หรือการมีของเสียคั่งในเลือดมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหารได้
หายใจถี่: ภาวะน้ำเกินในร่างกายเนื่องจากการทำงานของไตไม่ดี อาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมปอดและหายใจถี่ได้
ผื่นคัน: การสะสมของของเสียในร่างกายอาจทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนังได้

การวินิจฉัย "ไตอักเสบ" โดยแพทย์
การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis)
การตรวจเลือด (Blood tests)
การตรวจภาพถ่ายทางรังสี (Imaging tests)
อัลตราซาวนด์ไต (Kidney Ultrasound)
เอกซเรย์ช่องท้อง (Abdominal X-ray)
การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
การตัดชิ้นเนื้อไตไปตรวจ (Kidney Biopsy)

แนวทางการรักษา "ไตอักเสบ"
การรักษาไตอักเสบจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค เป้าหมายหลักของการรักษาคือการควบคุมการอักเสบ รักษาภาวะแทรกซ้อน และป้องกันไม่ให้ไตเสื่อมลง โดยแนวทางการรักษาอาจรวมถึง:
◎ การรักษาตามสาเหตุ
◎ การควบคุมอาการ:
• การให้ยาแก้ปวด
• การให้ยาขับปัสสาวะ
• การให้ยาลดความดันโลหิต
• การให้ยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
◎ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต:
• การดื่มน้ำให้เพียงพอ
• การควบคุมอาหาร
• การพักผ่อนให้เพียงพอ
• การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
◎ การบำบัดทดแทนไต (Renal Replacement Therapy): เช่น การฟอกเลือด (Hemodialysis) การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) หรือการปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation)

👉 "ป้องกัน" ดีกว่า "รักษา" แนวทางดูแลสุขภาพไตให้ห่างไกลไตอักเสบ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ:
ไม่กลั้นปัสสาวะ: การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจลุกลามไปที่ไตได้
รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ: เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ควบคุมโรคประจำตัว:
หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น:
ตรวจสุขภาพไตเป็นประจำ: โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคไต
ระมัดระวังการติดเชื้อ: เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไปยังไต

เริ่มต้นวันนี้... ดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อสุขภาพไตที่ดีในระยะยาวของคุณ



: 2025-05-05

Facebook
Twitter
Email

Copyright © TonBab Giffarine